ขนมครกเป็นขนมไทยโบราณที่มีมานาน ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ก็ยังเป็นขนมที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน เพราะความอร่อยหอมหวาน และน่ารับประทานทำให้คนไทยในทุกยุคทุกสมัยนิยมรับประทานขนมครกกันไม่เสื่อมคลาย และยังเป็นขนมครกที่รับประทานกันได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กและผู้ใหญ่ ที่สำคัญอาชีพขายอาหารประเภทนี้สามารถทำขายกันได้ตลอดทั้งวัน ขายได้แทบจะทุกที่โดยเฉพาะในแหล่งชุมชน หรือย่านที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ เราก็มักจะเห็นร้านขายขนมครกตั้งขายกัน จึงพูดได้ว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
อาชีพทำเงินที่ลงทุนน้อย ใช้เงินเพียงหลักพันก็ค้าขายได้แล้ว
อาชีพขนมครกเป็นอาชีพที่เงินลงทุนครั้งแรกไม่มาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีทุนน้อย และกำลังมองหาอาชีพค้าขายอาหาร โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 3,000 – 5,000 บาท เป็นค่าอุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆ ดังนี้
อุปกรณ์ในการขายขนมครกหลักๆ มีดังนี้
- เตาไฟ 2 หัว พร้อมขาตั้ง ราคาประมาณ 1,500 – 2,000 บาท
- เตาไฟ 2 หัว พร้อมขาตั้ง ราคาประมาณ 1,500 – 2,000 บาท
- เบ้าขนมครก 1 ใบ ราคาประมาณ 600 – 800 บาท
- กาสำหรับหยอดขนมครก ราคาประมาณ 60-100
- แก๊ส ถังละประมาณ 300 – 500 บาท
ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ช้อนสำหรับแคะขนมครก กะละมังสำหรับผสมส่วนผสมต่างๆ ปกติแล้วจะมีกันอยู่ในครัวเรือนกันอยู่แล้ว สำหรับช้อนควรเลือกใช้เป็นแบบช้อนสแตนเลส แบบที่เป็นช้อนสั้นจะแคะสะดวกกว่าแบบช้อนยาว สำหรับภาชนะบรรจุปัจจุบันจะนิยมใส่เป็นกล่องโฟม กล่องกระดาษ และใบตอง แต่ควรเลือกใช้เป็นกล่องกระดาษหรือใบตอง เพราะโฟมจะมีสารที่ก่ออันตรายแก่ผู้ซื้อได้
ค่าวัตถุดิบต่างๆ
แป้งสำเร็จรูป 1 กิโลกรัม, น้ำกะทิ, น้ำต้มสุก, น้ำปูนใส, น้ำตาลโตลด, เกลือ ค่าวัตถุดิบจะอยู่ที่ประมาณ 300 บาท โดยรวมแล้วจะได้แป้งสำหรับทำขนมครกประมาณ 3 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อนำมาหยอดในเบ้าขนมครกจะได้ขนมครกไม่น้อยกว่า 350 ชิ้น ราคาขายจะอยู่ที่ประมาณชิ้นละ 2 บาท รวมแล้วจะได้เงินในการขายทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 700 บาท หักต้นทุนต่างๆ แล้วจะมีกำไรในการขายประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นรายได้ที่ดีทีเดียว แต่ถ้าขายหมดทุกวันเพียงไม่กี่วันก็จะสามารถคืนทุนค่าวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ กันได้แล้ว
นอกเหนือจากอุปกรณ์ต่างๆ อาจจะมีค่าที่ในการเช่าแผงขาย แต่ถ้าใครที่ต้องใช้เป็นรถเข็นก็อาจจะมีค่ารถเข็นเพิ่มเติม โดยค่ารถเข็นจะอยู่ที่ประมาณคันละ 5,000 บาท ส่วนค่าเช่าแผงราคาจะแตกต่างกันออกไปอยู่ที่ทำเลที่ตั้งร้าน
ทำเลในการขายขนมครก
สำหรับทำเลที่เหมาะสมในการขายควรเป็นในแหล่งชุมชน อย่างเช่น ในตลาดสด หน้าโรงเรียน หน้ามหาวิทยาลัย ย่านโรงงาน หรือในย่านที่มีสำนักงานออฟฟิศเปิดกันอยู่หนาแน่น เพราะขนมครกเป็นขนมที่คนทุกเพศทุกวัยนิยมรับประทานจึงสามารถขายได้หลากหลายสถานที่ รวมไปถึงในแหล่งท่องเที่ยว เพราะนอกจากคนไทยแล้วชาวต่างชาติก็นิยมรับประทานขนมครกด้วยเช่นเดียวกัน แต่ถ้าทำเลที่ตั้งของคุณมีคนพลุกพล่านกันตลอดทั้งวัน คุณก็สามารถที่จะขายขนมครกกันได้ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลาเย็นกันได้เลยทีเดียว
เคล็ดลับขายดีสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระขายขนมครก
1. ควรมีหน้าขนมครกให้เลือกหลากหลายหน้า เพื่อเป็นตัวช่วยในการดึงดูดลูกค้า เพราะดั่งเดิมขนมครกมักจะมีหน้าไม่มาก เช่น หน้าต้นหอม จะเป็นหน้าที่ผู้ใหญ่จะชอบรับประทาน แต่จะไม่ค่อยถูกปากเด็กๆ และวัยรุ่น ดังนั้นแล้วเราจึงควรเพิ่มหน้าขนมครกให้มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกรับประทานกันได้อย่างหลากหลาย เช่น หน้ามะพร้าวอ่อน หน้าข้าวโพด หน้าเผือก หน้าฟักทอง หน้าฝอยทอง หน้าลูกตาล หน้าไข่นกกระทา เป็นต้น และในปัจจุบันเรายังเห็นว่ามีร้านขนมครกบางเจ้าคิดสูตรแปลกใหม่เพิ่มหน้าขนมครกกันอย่างหลากหลาย เช่น ขนมครกหน้าทะเลต่างๆ หรือแม้แต่หน้าธัญพืชสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ เป็นต้น ก็มีส่วนในการช่วยดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี
2. ภายในบริเวณร้าน รวมไปถึงหน้าร้าน และอุปกรณ์ต่างๆ ควรสะอาด ไม่มีฝุ่นจับ หรือดูสกปรก ผู้ขายควรใส่ใจดูแลในเรื่องของความสะอาดตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้ที่ต้องขายบริเวณติดถนน มักจะมีฝุ่นละออง และควันจากท่อไอเสียรถที่วิ่งไปวิ่งมา เราควรหาอุปกรณ์ปิดขนมครกเพื่อกันฝุ่นละอองต่างๆ เหล่านี้
3. ปัจจุบันนิยมใช้แป้งสำเร็จรูปซึ่งถือว่าสะดวกสบายในการทำและประหยัดเวลาได้มาก แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ควรคำนึงถึงก็คือน้ำกะทิที่ใช้ในการทำขนมครก ควรสดใหม่ ไม่เช่นนั้นแล้วเมื่อนำไปผสมกับแป้งและวัตถุดิบต่างๆ กะทิอาจจะมีกลิ่นเมื่อนำมาหยอดเป็นขนมครกรสชาติที่ได้จะผิดเพี้ยนไปจากเดิม
4. ควรมีการพัฒนาฝีมืออย่างสม่ำเสมอให้ขนมครกมีรสชาติดีขึ้น และควรสังเกตลูกค้าในย่านที่เราขายกันด้วยว่า ลูกค้าส่วนมากชอบรสชาติแบบไหน เช่น รสชาติค่อนข้างหวาน หรือแบบรสชาติหวานมัน รวมไปถึงบางที่อาจจะไม่ชอบแบบรสชาติหวานมาก เป็นต้น
5. ราคาในการขายควรเป็นราคาตามท้องตลาดทั่วๆ ไป ไม่แพงจนเกินไป แต่ก็ไม่ถูกมากเพราะขายจะไม่ได้กำไร รวมทั้งผู้ขายควรมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส มีอัธยาศัยดี พูดจาเพราะ ก็จะเป็นจุดที่สามารถช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อขนมครกในร้านของเราได้ด้วยเช่นเดียวกัน
6. ควรมีป้ายแสดงชื่อร้านว่าเป็นร้านขนมครกติดไว้ให้โดดเด่น และชัดเจน รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆ เช่น รายการหน้าขนมครก ราคาขนมครก เป็นต้น ถ้ามีรูปภาพที่ดูน่ารับประทานติดไว้ด้วยก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยดึงดูดความสนใจให้กับลูกค้าได้เช่นกัน
ร้านจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับขายขนมครกต่างๆ
สามารถหาซื้อวัตถุดิบต่างๆ ได้ตามตลาดสด ร้านค้าทั่วไป และในห้างสรรพสินค้า ส่วนอุปกรณ์การขายสามารถซื้อได้แถวย่านเวิ้งนาครเขษม
ถ้าชอบบทความนี้ช่วยกด Like , +1 ที่อยู่ด้านล่างนี้ให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น